กิจกรรม FMS Clubhouse 1 “คณบดีวิถีสัญจร”

เผยเเพร่เมื่อ 172 เข้าชม
11 มีนาคม 2566

กิจกรรม FMS Clubhouse 1 “คณบดีวิถีสัญจร” วันนี้เจอนักศึกษาค้าปลีกชั้นปีที่ 2 และ 3 จำนวน 3 คนโดยบังเอิญครับ เด็ก ๆ กำลังกินเค้กกัน เห็นผมเดินผ่านมาพี่อั้มผู้ดูแลน้อง ๆ จึงเรียกผมไปพูดคุย ครับ 555 ผมมีเวลาน้อยกำลังคุยสนุก ๆ ได้ประมาณ 45 นาที ต้องติดภารกิจรีบไปงานสีดำ ได้เรื่องราวสำคัญสรุปคร่าว ๆ พอประมาณ ครับ
ผมถามเรื่องการฝึกงานของน้อง ๆ ที่ 7-11 สมุทรสาคร ก็เล่าให้ผมฟังว่า เป็นงานที่ทำเป็นงานบริการที่มีความท้าทาย ต้องเจอลูกค้าหลากหลายรูปแบบ ต้องอดทนสูงมาก บางครั้งหนูเคยเจอมนุษย์ป้าที่มากเรื่อง และจ้องจับผิดการติดราคา ติดโปรโมชั่นของพนักงาน แม้อยากเถียงใจแทบขาด แต่ก็ต้องอดทน ค่ะ 555 เด็ก ๆ หัวเราะ และคนนี้เป็นลูกค้าประจำของสาขาด้วย เลยต้องเจอบ่อย ๆ พร้อมทั้งได้นิยามศัพท์คำว่า “มนุษย์ป้า” ให้ผมฟังเป็นฉาก ๆ
เด็กคนนึงเล่าให้ผมฟังว่าเคยโดนร้องเรียนผ่านระบบของเซเว่นจากลูกค้าที่ไปส่งน้ำเปล่าเป็นแพ็กว่าตัวเองโยนน้ำใส่ลูกค้า ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่มีเจตนาทำเลยค่ะ แต่ทางสาขาก็แก้ปัญหาด้วยการให้พนักงานคนอื่นไปส่งแทน ปรากฏว่าโดนร้องเรียนเหมือนกัน สรุปคร่าว ๆ คือ คนในบริษัทที่ไปส่งน้ำ เขาต้องการกลั่นแกล้งพนักงานเซเว่นแน่นอน (ผมคิดในใจมนุษย์เรานี่หลากหลายรูปแบบจริง)
ผมถามต่อว่าแล้วปัจจัยอะไรที่ทำให้เรายังอยากทำงานเซเว่นอยู่ เด็ก ๆ ตอบเหมือนกันเป๊ะ คือ เรื่องของ “บรรยากาศการทำงาน” แม้งานจะหนัก ค่าแรงอาจไม่สูงมาก หรืออยู่ในสาขาที่มียอดขายต่ำ แต่ถ้าบรรยากาศการทำงานดี เพื่อนร่วมงานดี เราก็มีความสุขในการทำงาน ไม่อยากย้ายสาขาไปไหน แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าบรรยากาศการทำงานไม่ดี ผู้คนรอบข้างขัดแย้งกัน ก็ทำให้เราไม่อยากทำงาน มีรุ่นพี่บางคนลาออกไปด้วยสาเหตุเหล่านี้เยอะแยะเลย
แล้วปัจจัยอะไรที่ทำให้บรรยากาศการทำงานดีล่ะ เด็ก ๆ ตอบเหมือนกันเป๊ะเลยครับว่า “ผู้จัดการ” เด็กคนนึงเล่าต่อว่าที่สาขาหนูเป็นสาขาใหญ่ ยอดขายหลักแสนต่อวัน มีพนักงานรวมทั้งหมดประมาณ 15 คน ทุกอย่างดูลงตัวหมด เพื่อนร่วมงานดี แต่เสียอย่างเดียว คือ หนูไม่โอเคกับ “ผู้จัดการ” แล้วก็เล่าให้ผมฟังเยอะแยะมากมายเลยครับ แต่บอกว่าไม่ใช่ “มนุษย์ป้า” น่ะค่ะ มันคนละแบบกัน 555 ผมเลยถามต่อว่าแล้วจุดเสียตรงไหนที่หนูคิดว่าไม่ดี อาจารย์ก็จะได้ไม่ทำตาม !!! เด็กตอบโดยสรุป ดังนี้ ครับ
1) ปากจัด คือ บางครั้งก็พูดตรงเกินไป และพยายามพูดบั่นทอนกำลังใจของพนักงาน
2) จ้องจับผิด คือ พนักงานทำไรผิดไปหมดค่ะ ขนาดเรียงสินค้าตามหลักที่กำหนด ก็ยังมีช่องจับผิดจนได้ ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง
3) ด่าพนักงานต่อหน้า คือ พอจับผิดแล้วก็ว่าตรงนั้นเลย ทั้ง ๆ ที่บางครั้งเรายังบริการลูกค้าอยู่เลย
4) อารมณ์เหวี่ยง คือ อารมณ์แปรปรวนนั่นแหละ บางครั้งดีบางครั้งก็ร้ายแบบงง ๆ ค่ะ 555
แต่สุดท้ายเด็ก ๆ ก็บอกเข้าใจอยู่ค่ะ อีกไม่กี่ปีแกก็เกษียณแล้ว 5555 ข้อมูลนี้จริง ๆ แล้วเป็นไปตามตำราพฤติกรรมองค์การเลยล่ะครับครบองค์ประกอบของบุคคลน่ารังเกียจ (Toxic people) ผมคงไม่เล่าเพื่อโจมตีบุคคลอื่น แต่หากใครอ่านเฟสบุ๊คผมถึงตรงนี้ ตรวจสอบตัวเองว่ามีพฤติกรรมแบบนี้หรือไม่ ถ้ามีรีบเปลี่ยนแปลงน่ะครับ นิสัยเราพัฒนากันได้ อย่าให้เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชาต้องมาทนความเป็นบุคคลน่ารังเกียจของเราเลย
ผมถามต่อว่าเรียนจบอยากทำอะไรกัน คนแรกตอบหนูอยากทำธุรกิจแค่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ขอทำงานเซเว่นไปเรื่อย ๆ ก่อน คนที่สองที่นิยามศัพท์มนุษย์ป้า อยากไปทำงานที่เกาหลี จีน หรือญีปุ่นก็ได้ และอยากไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในต่างประเทศ (คนนี้มีความฝันค่อนข้างชัดเจนมากเลย) และตอนนี้ก็พยายามเรียนรู้ภาษาได้นิดหน่อย ส่วนคนสุดท้ายบอกอยากยกระดับธุรกิจครอบครัวที่บ้าน ผมเลยถามต่อว่าที่บ้านทำอะไร เด็กคนที่สามให้รายละเอียดแบบนี้ครับ
บ้านอยู่อำเภอเต่างอย ปลูกมะเขือเทศขาย แต่ตอนนี้ราคาตก ปุ๋ยแพง ยาอื่น ๆ แพงขึ้นมาก ทำให้ต้นทุนสูง และปัญหาสำคัญ คือ ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อ แล้วพ่อค้าเหล่านี้จะส่งต่อไปที่ตลาดไท เมื่อหนูฝึกงานที่สมุทรสาครเห็นราคามะเขือเทศ และผักอื่น ๆ ไม่กล้าซื้อเลยเพราะแพงมาก ทั้งที่เอาจากบ้านเราไปนี้แหละ เลยฝังใจว่าอยากทำธุรกิจแบบครบวงจรทั้งห่วงโซ่การผลิต และอยากเรียนรู้เรื่องโลจิสติกส์ด้วย เพราะการตัดพ่อค้าคนกลางเกี่ยวข้องกับเรื่องการขนส่ง แต่ตอนนี้ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เพราะเรื่องระบบขนส่งต้นทุนจะสูงค่ะ อย่างไรก็ตามต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเองให้ได้ แต่ !!!! ตอนนี้ของทำงานเซเว่นไปก่อน 555
และเด็ก ๆ ยังเล่าเรื่องระบบการทำงานของบริษัท อย่างละเอียดให้ผมฟังในหลายประเด็น ก็ได้ความรู้และมุมมองพอสมควรครับ กำลังคุยสนุก ๆ แต่ติดภารกิจต้องรีบไปงานต่อ และข้อมูลที่เล่าวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของที่พูดคุยครับ
ไฮไลท์ตรงคุณสมบัติของผู้จัดการที่เด็ก ๆ ไม่โอเค และคิดว่าคนทั่วไปคงไม่โอเคเช่นเดียวกัน เราก็ต้องลด ละ เลิก ครับ